Skip to content

ประวัติและยุคของมวยโคราช

        ประวัติศาสตร์ของกีฬามวยไทย กล่าวถึงมวยไทย 4 สาย ได้แก่ มวยลพบุรี มวยไชยา มวยท่าเสา และ มวยโคราช โดยมวยโคราช ถูกตั้งชื่อตามชื่อของจังหวัด นครราชสีมา หรือที่รู้จักกัน ในนาม “โคราช” เป็นมวยที่ มีชื่อเสียงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ภาคอีสานของ ประเทศไทย มวยโคราชมีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ โดยมีเป้าหมายในการฝึกซ้อมเพื่อการปกป้องประเทศชาติ ทั้งนี้ เนื่องจากโคราชเป็นเมืองหน้าด่านชั้นเอกที่ต้องสู้รบกับผู้รุกรานอยู่เสมอ จึงทำให้ชาวจังหวัดนครราชสีมามีความเป็นนักสู้โดยสายเลือดมาหลายชั่วอายุคน (เมตต์ เมตต์การุณ์จิต, 2561ก)

(1) หมื่นชงัดเชิงชก
(2) กรมหลวงชุมพร เขตรอุดมศักดิ์
(3) นายยัง หาญทะเล
(4) นายทับ จำเกาะ
(5) นายตู้ ไทยประเสริฐ
(6) ร้อยโทบัว นิลอาชา
(7) นายผวน กาญจนากาศ
(8) นายสุข ปราสาทหินพิมาย
(9) นายวิหค เทียมคำแหง
(10) นายประยุทธ อุดมศักดิ์

       เมื่อไม่มีเหตุการณ์สงคราม มวยไทยจึงพัฒนามาเป็นศิลปวัฒนธรรมทางการต่อสู้ป้องกันตัวประจำชาติไทย ด้วยเหตุเพราะคนไทยในสมัยโบราณนับตั้งแต่พระมหากษัตริย์ ลงมาจนถึงพลเมืองทั้งชายและหญิงต้องฝึกการต่อสู้ป้องกันตัวให้ชำนาญ (สถานกีฬาและสุขภาพ มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีสุรนารี, 2562) 

       ในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นยุคที่มวยคาดเชือกเจริญรุ่งเรือง เพราะมีการจัดการแข่งขันอย่างกว้างขวางโดยใช้เชือกพันมือในขณะแข่งขัน ในการแข่งขันหน้าพระที่นั่ง ณ บริเวณหน้าพลับพลาทรงธรรม สวนมิสกวัน ในงานศพของพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้าอุรุพงษ์รัชสมโภช ในวันที่ 18 มีนาคม ร.ศ. 128
(พ.ศ. 2452) โดยให้เมืองหน้าด่านทั่วประเทศคัดเลือกนักมวยฝีมือดีเข้าแข่งขัน มีผู้ที่ชนะการแข่งขันเป็นที่พอพระราชหฤทัย ทรงโปรดฯ พระราชทานยศและบรรดาศักดิ์ เป็น “ขุนหมื่นครูมวย” ถือศักดินา 300 (ชื่อเรียกตำแหน่งทางราชการ ชั้นประทวน ในสมัยรัชกาลที่ 5) จำนวน 3 คน ได้แก่                 

1. นายปรง จำนงทอง จากเมืองไชยา (จังหวัดสุราษฎร์ธานี) เป็น “หมื่นมวยมีชื่อ”

2. นายกลึง โตสะอาด จากเมืองลพบุรี (จังหวัดลพบุรี) เป็น “หมื่นมือแม่นหมัด”

3. นายแดง ไทยประเสริฐ จากเมืองโคราช (จังหวัดนครราชสีมา) เป็น “หมื่นชงัดเชิงชก” (1)

     โดยนายแดง ไทยประเสริฐ จากเมืองโคราช เป็นลูกศิษย์ที่พระเหมสมาหาร เจ้าเมืองโคราชส่งเข้าแข่งขัน นอกจากนี้ ยังมีนักมวยจากเมืองโคราชอีกหลายคนที่ได้ เข้าร่วมการฝึกซ้อมมวยกับกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ (2) ณ วังเปรมประชากร อาทิ นายยัง หาญทะเล (เสือลาย พาดกลอนจากที่ราบสูง) (3) นายทับ จำเกาะ (เสือร้ายจาก ที่ราบสูง) (4) นายตู้ ไทยประเสริฐ (5) และนายพูน ศักดา เป็นต้น ซึ่งนักมวยเหล่านี้ล้วนมีความสามารถจนมีชื่อเสียง ไปทั่วประเทศ (กรมพลศึกษา, 2561) 

    นักมวยโคราชท่านอื่น ๆ ที่มีชื่อเสียงในอดีต ได้แก่ ร้อยโทบัว นิลอาชา (6) ฉายา ครูบัว วัดอิ่ม รับราชการเป็นครูพละมวยไทยโคราชในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า นายผวน กาญจนากาศ (7) ผู้ก่อตั้งคณะมวยแขวงมีชัย ค่ายมวยที่มีแชมป์เปี้ยนหลายคน ทำให้มวยโคราชมีชื่อเสียง นายสุข ปราสาทหินพิมาย (8) ฉายา สุขยักษ์ผีโขมด นักมวยในยุคสวมนวมเริ่มแรกที่มีลีลาการชกดุเดือด เป็นที่ถูกใจของผู้ชม ชาวอำเภอพิมายสร้างอนุสาวรีย์ไว้ที่บริเวณไทรงาม นายวิหค เทียมคำแหง (9) ฉายา พญาปักษาร้ายจากโคราช นายประยุทธ อุดมศักดิ์ (10) หรือนายสวัสดิ์ ดอกมณี ฉายา ม้าสีหมอก สุภาพบุรุษที่ราบสูง (จรัสเดช อุลิต และคณะ, 2556) 


การแบ่งยุคของมวยโคราช แบ่งออกเป็น 4 ยุค ดังนี้

อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา

1) ยุคเริ่มต้น (รัชกาลที่ 1 - รัชกาลที่ 4)

     โคราช ได้ชื่อว่าเป็นเมืองมวยมาช้านาน ด้วยเมืองโคราชเป็นเมืองหน้าด่านชั้นเอก ประชาชนจึงต้องมีความพร้อมในการต่อสู้อยู่เสมอ มวยโคราชและศิลปะ การต่อสู้ต่าง ๆ จึงถูกเรียนรู้ ฝึกฝน ปลูกฝังอยู่ในวิถีชีวิตและจิตวิญญาณของลูกหลานชาวโคราช เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ คือเหตุการณ์ที่ “ท้าวสุรนารี” หรือ “คุณหญิงโม” หรือที่รู้จักกัน ในนาม “ย่าโม” ได้นำชาวเมืองโคราชใช้อาวุธเท่าที่ หาได้และหมัดมวยเข้าสู้รบกับกองทัพทหารของเจ้าอนุวงศ์ แห่งเมืองเวียงจันทน์ ซึ่ง ยกทัพมากวาดต้อนพลเมืองชาวโคราชไปเวียงจันทร จนได้รับชัยชนะที่ทุ่งสัมฤทธิ์ ในปี พ.ศ. 2369 ต่อมาคุณหญิงโมจึงได้รับการปูนบำเหน็จสถาปนาให้เป็น “ท้าวสุรนารี”

[ซ้ายสุด] กรมหลวงชุมพรฯ [ภาพหลังซ้าย] นายไล่โฮ้ว์ จีนฮกเกี้ยน [ภาพหลังขวา] นายยัง หาญทะเล มวยนครราชสีมา ถ่ายเพื่อโฆษณาในบริเวณสนามเสือป่า เขาดินวนา (ดุสิต) ภาพจาก ปริทัศน์มวยไทย (นิตยสารศิลปวัฒนธรรม, 2565)

2) ยุครุ่งเรือง (รัชกาลที่ 5 - รัชกาลที่ 6)

      ในยุคนี้เป็นยุคที่มวยโคราชและมวยไทยสายอื่น ๆ ซึ่ง ชกกันในรูปแบบการคาดเชือก สภาพบ้านเมืองสงบร่มเย็น มีความเจริญรุ่งเรืองมาก มีค่ายมวยเกิดขึ้นมากมาย มีนักมวยจากเมืองโคราชที่มีความสามารถและมีชื่อเสียงระดับประเทศหลายคน (สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรม แห่งชาติ, 2553) และได้เข้าร่วมการฝึกซ้อมมวยกับกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ณ วังเปรมประชากร สร้างผลงานเป็นที่พอพระราชหฤทัยของรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 เป็นอย่างยิ่ง 

ภาพจาก วารสารกรมพลศึกษา (ปีที่ 12 ฉบับที่ 1 เดือนมีนาคม 2560)

3) ยุคเริ่มต้นสวมนวม (รัชกาลที่ 6 - รัชกาลที่ 8)

      เนื่องด้วยนายแพ เลี้ยงประเสริฐ นักมวยจากตำบลท่าเสา จังหวัดอุตรดิตถ์ ชกนายเจียร์ นักมวยจากเขมรเสียชีวิต จึงได้มีการนำอุปกรณ์นวมแบบฝรั่งมาสวมใส่แทนการคาดเชือก มีการกำหนดกติกาควบคุมการแข่งขันและตัดสินอย่างชัดเจน มีนักมวยจากจังหวัดนครราชสีมา เดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันในกรุงเทพฯ หลายคน มีหลักสูตรการสอนมวยไทยโคราชในโรงเรียนนายร้อย พระจุลจอมเกล้า มีคณะมวยหรือค่ายมวยเกิดขึ้นหลายแห่ง เช่น คณะเทียมกำแหง คณะอุดมศักดิ์ แขวงมีชัย คณะสิงหพัลลภ คณะสินสุวรรณ คณะลูกโนนไทย เป็นต้น 

พลตรีอำนาจ พุกศรีสุข
ดร.เช้า วาทโยธา

4) ยุคฟื้นฟูอนุรักษ์ (รัชกาลที่ 9 - รัชกาลปัจจุบัน)

      ปัจจุบันเป็นยุคที่มีการจัดแข่งขันมวยไทยอาชีพอย่างแพร่หลาย โดยเป็นการชกแบบสวมนวม ไม่ใช่การชกแบบคาดเชือกเหมือนในอดีต การจัดการแข่งขันส่วนใหญ่เน้นในเชิงพาณิชย์เป็นสำคัญ มีการนำกฎกติกาที่กำหนดโดยสมาคมมวยไทยมาใช้เพื่อให้เป็นมาตรฐาน 

      การฝึกซ้อมมวยโคราชในยุคนี้ มีบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พลตรีอำนาจ พุกศรีสุข ผู้ทรงคุณวุฒิของกองทัพบก (เสียชีวิต) และ ดร.เช้า วาทโยธา ผู้ฝึกสอนมวยไทยระดับ A-License จากสำนักงาน คณะกรรมการกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย และประธานคณะกรรมการฝ่ายมรดกและวัฒนธรรม ของสหพันธ์มวยไทย นานาชาติ (IFMA)